หลายบ้านอาจจะเคยได้ยินเสียงร้องจี๊ดๆ หรือเสียงฝีเท้าวิ่งไป-มาอยู่บนฝ้าเพดาน และอาจจะมีการทิ้งร่องรอยน่าสงสัยเอาไว้ให้ไม่สบายใจอยู่บ้าง ก็คงต้องลองสำรวจดูสักหน่อยแล้ว ว่าบ้านของคุณเข้าข่ายมี “หนู” อพยพกันมาอาศัยอยู่บ้างหรือไม่ และถ้าหากพบว่าภายในบ้านมีครอบครัวหนูมาอาศัยอยู่แล้ว ก็คงต้องมองหาวิธีไล่หนูกันสักหน่อยใน 10 วิธีไล่หนูออกจากบ้านโดยไม่ต้องฆ่า
10. กำจัดแหล่งอาหาร
การจัดการบ้านให้สะอาดหมดจด ไม่มีเศษอาหารตกค้าง จะเป็นการดีที่ทำให้หนูมองข้ามบ้านของคุณไปได้ง่ายๆ เนื่องจากแหล่งอาหารของหนูถูกกำจัดจนหมดสิ้น ขืนอาศัยอยู่ในบ้านคุณต่อไปก็คงอดตายกันทั้งครอบครัวแน่ๆ จากนั้นลองจัดบ้านให้โล่งและไม่มีมุมอับ จะได้หมดที่ซ่อนตัวของครอบครัวหนูด้วยจ้า
9. ปิดทางเข้า
ลองสำรวจรอบๆ บ้านดูสักหน่อย ว่ามีจุดไหนบ้างที่หนูสามารถเล็ดลอดเข้ามาได้ เช่น ซอกเล็กซอกน้อยบนหลังคา, รอยแยกบริเวณฝ้าเพดาน, รูกำแพง, ประตู-หน้าต่างห้องครัว หรือท่อน้ำ เป็นต้น แล้วจัดการปิดรอยรั่วเหล่านั้นให้หมดสิ้น อย่างน้อยก็เป็นการป้องกันไม่ให้หนูสามารถเล็ดลอดเข้ามาได้ง่ายๆ
8. ทรายแมว
หากบ้านไหนไม่อยากเลี้ยงแมวให้วุ่นวาย ทางแก้อีกวิธีก็คือลองหาทรายแมว ที่แมวฉี่ใส่เอาไว้แล้ว โดยอาจขอจากเพื่อนบ้านที่เลี้ยงแมวก็ได้ แล้วนำทรายแมวใส่ถุงผ้า ไปวางไว้ใต้เพดาน หรือบริเวณที่หนูเพ่นพ่าน หนูจะหลอนกับกลิ่นฉุนจากฉี่ของโจทก์เก่า จนไม่อยากย่างกรายผ่านมาอีกเลย แต่ทางที่ดีเลือกวางเฉพาะจุดดีกว่านะคะ ไม่อย่างนั้นคุณคงจะฉุนจนมึนตามหนูไปแน่ๆ
7. ต้นยี่โถ
เป็นวิธีง่ายๆ ที่หลายบ้านนิยมทำกันมานาน ยิ่งโดยเฉพาะในปัจจุบันที่เทรนด์เลี้ยงแมวกำลังมาแรง ถ้าคุณเป็นคนรักสัตว์ แค่เลี้ยงแมวติดบ้านเอาไว้สักตัว แมวก็จะกำจัดโจทก์เก่าอย่างหนูให้หมดไปอย่างรวดเร็ว เพราะแค่หนูมองเห็นและได้กลิ่นแมวที่เลี้ยงไว้ ก็คงเตรียมเก็บข้าวเก็บของเผ่นออกจากบ้านแล้วล่ะจ้า
6. สมุนไพรไล่หนู
ปัจจุบันมีสมุนไพรไล่หนูขายกันอยู่ทั่วไป สามารถหาซื้อได้ง่ายในซูเปอร์มาร์เก็ต โดยน้ำยาไล่หนูเหล่านั้น ถูกสกัดขึ้นจากสมุนไพรไทยๆ อย่าง กะเพรา สะระแหน่ หรือใบมะกรูด เป็นต้น ซึ่งข้อดีคือไม่มีพิษร้ายแรง และไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้ แต่ข้อเสียคือมักมีอายุการใช้งานที่สั้น กลิ่นจางไว ทำให้ต้องใช้ในปริมาณมาก
5. กรงดักหนู
วิธีง่ายๆ ที่นิยมใช้กันมานาน เพียงแค่ซื้อกรงดักหนู แล้วนำอาหารหรือเหยื่อล่อหนูใส่เข้าไป จากนั้นเมื่อหนูวิ่งเข้าไปในกรงแล้ว กรงก็จะปิดลง เราก็แค่นำหนูในกรงไปปล่อยไว้ให้ไกลบ้านมากที่สุด และต้องไกลจากบ้านคนอื่นด้วยนะคะ ไม่อย่างนั้นจะเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้เพื่อนบ้านแทน ซึ่งเทคนิคในการวางกรงดักหนูก็คือ ให้วางมากกว่า 1 กรง และวางให้หันหลังชนกัน หนูจะได้เข้ามาติดกับได้ทั้งสองทาง อีกทั้งถ้ายิ่งวางติดกำแพงได้ก็ยิ่งดี เนื่องจากหนูมักวิ่งลัดเลาะแถวๆ ริมกำแพงมากที่สุด และที่สำคัญเมื่อใช้กรงเสร็จแล้วให้ล้างจนสะอาดทุกครั้ง เพราะกลิ่นของหนูตัวเดิมจะทำให้หนูตัวใหม่ไม่เข้าใกล้กรงจ้า
4. ประทัด
นอกจากกลิ่นเหม็นแล้ว หนูก็ยังเป็นสัตว์ที่ขี้ตกใจพอสมควร ดังนั้นหากอยากไล่หนูให้แตกกระเจิง ลองซื้อประทัดมาจุดใกล้ๆ รังหนู เพื่อให้ครอบครัวหนูตกใจกับเสียงประทัดจนต้องอพยพกันออกไป แต่การจุดประทัดก็ต้องใช้ความระมัดระวัง ทั้งตัวผู้จุดเองและอย่าไปโยนใส่ตัวหนูโดยตรง ไม่อย่างนั้นคงเป็นภาพที่สยองขวัญน่าดู
3. เปิดไฟให้สว่าง
เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ง่ายแสนง่าย เพราะแสงไฟจะทำให้หนูแสบตา และไม่กล้าออกมาแสดงตัวมากนัก ซึ่งเมื่อไฟยังสว่างอยู่หนูก็จะกล้าๆ กลัวๆ ที่จะออกมาคุ้ยหาอาหาร หรือแทะข้าวของต่างๆ ให้พังเสียหาย ซึ่งผลที่ตามมาอาจจะต้องแลกด้วยค่าไฟที่เพิ่มขึ้นจนน่าใจหายอยู่เหมือนกัน
2. ลูกเหม็น
กลิ่นของลูกเหม็นแม้จะไม่รุนแรงเท่าน้ำมันก๊าด แต่ก็เป็นกลิ่นที่ไม่รัญจวนใจนัก หนูทั้งหลายจึงไม่ค่อยสบอารมณ์กับกลิ่นของลูกเหม็นสักเท่าไหร่ หากนำลูกเหม็นไปวางไว้ในจุดที่คิดว่าหนูจะวนเวียนอยู่ เช่น บริเวณถังขยะ ฝ้าเพดาน หรือมุมอับภายในครัว เท่านี้หนูก็จะเบื่อหน่ายกับกลิ่นจนอยากย้ายบ้านหนีไปเลย
1. น้ำมันก๊าด
ไม่บอกก็รู้ว่า น้ำมันก๊าด มีกลิ่นรุนแรงขนาดไหน เพราะแม้แต่คนที่สูดดมเข้าไปมาก ๆ ก็ยังแอบเวียนหัวอยู่เหมือนกัน นับประสาอะไรกับหนูตัวเล็กๆ เมื่อเจอเข้ากับกลิ่นของน้ำมันก๊าด รับรองว่าเจ้าหนูทั้งหลายจะเข็ดขยาดจนไม่อยากอยู่ในบ้านหลังเดิมอีกต่อไปเลยล่ะ วิธีการก็แค่เทน้ำมันก๊าดใส่ถ้วยเล็กๆ ไปวางไว้ตามจุดที่คาดว่าหนูอาศัยอยู่เท่านั้นค่ะ หรือจะวางไว้กับแหล่งอาหารของหนูก็ได้ แต่ควรระวังอย่าใช้ในบ้านที่มีเด็ก และต้องหมั่นเปิดหน้าต่าง ประตู เพื่อระบายกลิ่นบ้างนะคะ และสามารถเปลี่ยนเป็นน้ำมันสน หรือน้ำมันกลิ่นฉุนอื่นๆ ก็ได้
แหล่งที่มา http://www.toptenthailand.com